ช่วงปลายปีแบบนี้ นกพิราบแถวบ้านเริ่มจับคู่ทำรังอีกแล้วค่ะ แล้วระเบียงคอนโดน้อยๆ ของอิชั้นก็คงเป็นชัยภูมิเหมาะ ที่จะให้ท่านๆ มาลงหลักปักฐานกัน เพราะเรามีกระถางต้นไม้ เล็กมั่ง ใหญ่มั่ง วางเป็นมุมๆ ก็เป็นซอกเป็นช่อง เหมาะสำหรับสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ได้หลบแดด หลบฝน แหม อุตส่าห์ใช้ชีวิตเหนือระดับแล้วเชียวนา

ตั้งแต่ย้ายเข้ามาบ้านนี้เมื่อเก้าปีก่อน ก็รบกับสิ่งมีชีวิตอื่นมาอย่างต่อเนื่องค่ะ ตั้งกะ จิ้งจก ตะเข็บ ตะขาบ เพลี้ย ปลวก มด โดยมีนกพิราบนี่แหละเป็นหัวหน้าแก๊ง เพราะเจ้าตัวอื่นนี่ เราเห็นกันจะๆ บางตัวจับได้คาหนังคาเขา แล้วพอเราจับไปปล่อยที่ห้องขยะได้กับมือ ก็โล่งใจ โดยเฉพาะพี่รองจิ้งนี่ เขาเก๋าจริงๆ ในลีลาหลบหลีก ไม้กวาด และที่โกยผงศักดิ์สิทธิ์ประจำบ้านเรา จนหลังๆ จิ้งเขาก็เปลี่ยนหน้ามาเรื่อยๆ จะมีก็แต่คนไล่จับที่เก่าลงทุกวัน เลยปล่อยมัน แกอยากอยู่ก็ได้ แต่อยู่ที่ระเบียงนะย่ะ ห้ามเข้าบ้าน …ก็ได้ผลค่ะ..ผลก็คือ มีลูกจิ้ง มาป้วนเปียน "ใน" บ้านเรา มันก็ไม่เข้ามา ปล่อยให้ลูกมันมาแทน (o_O)  มาพักหลังนี่ครอบครัวจิ้งมีวิวัฒนาการเหนือชั้นขึ้นไปอีก ไปแอบอยู่หลังพระพุทธรูป เราก็…เห็นแก่พระนะ แกอยากอยู่ เอ้า อยู่ก็ได้ จนป๊าเรียกมันว่าเด็กวัด แล้วหมูปันก็เรียกมันว่าเด็กวัดตามป๊า  

เรื่องพี่จิ้งนี่ยาวค่ะ วีรกรรมเค้าเยอะ ไว้เล่าทีหลัง  เพราะตอนนี้มีเหตุด่วนเฉพาะหน้าค่ะ

ตอนนี้ บัดนาวเลยนี่ล่ะค่ะ มีนกพิราบสองตัว กำลังพยายามมาสร้างบ้านอยู่ในบ้านอิชั้นค่ะ

ถ้าไม่นับเรื่องที่มันชอบปลุกเราด้วยเสียง ขุก ขุก คุก คู่…ขุก ขุก คุก คู่ ก่อนเวลาอันควรในวันหยุดแล้ว เราก็ยังกลัวเรื่องหวัดนกอะไรนี่อีก ความจริง ก็อยากจะดูลูกนกในบ้านอยู่หรอกนะ  แต่แหม ท่านเล่นปล่อยอะไรต่อมิอะไรไว้เต็มระเบียง อิชั้นก็ล้างไปหลายรอบ ก็ไม่ไหวนะคะ ต้องขอนิมนต์ท่านไปทำรังที่อื่น  

จะว่าไป บ้านเราก็ได้ทดลองมาตรการไล่นกมาแล้วหลายแนวค่ะ ที่ดูเหมือนจะดีก็มีโรยแป้งฝุ่น ก็แป้งทาตัวนี่ละค่ะ เพราะเดาเอาว่ามันจะแปลกกลิ่นแล้วไม่กลับมาอีก อุตส่าห์ใช้แป้งตรางูอย่างคลาสสิคเชียวนา เผื่อจะกลัวงู …ไม่เวิร์คค่ะ   เอ้า งั้นโรยผงซักฟอก ก็…ได้ขัดระเบียงกันไปค่ะ แต่นกยังมาเหมือนเดิม เราก็เลยหันมาใช้วิธีดั้งเดิม คือคอยชู้ววววๆ มันเวลาที่เจอตัว  แต่ด้วยความที่เราก็เป็นบ้านช่างเที่ยว  กลับมาบ้าน บางทีก็มีกองกิ่งไม้ขัดกันไปมาอย่างหนาแน่น ดูเรียบร้อย แล้วก็ตั้งใจมาก ซะจนเกรงใจตอนที่จะเก็บไปทิ้งนะ แต่ครั้นจะปล่อยไว้ก็กลัวจะเลยเถิด ต้องขอโทษด้วยจริงๆ น้า 

จนมาเมื่อต้นปีที่แล้วค่ะ เราก็ยังตามรบกับนกเหมือนเดิม  แต่เราพลาดค่ะ ไม่รู้มันมาแอบอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้อีกทีก็ตอนวันว่างๆ วันนึงที่ป๊าไม่อยู่ แม่ลูกก็ช่วยกันรื้อเก็บเศษใบไม้แห้งตรงระเบียงที่ดูรกๆ แล้วพอเราลากกระถางต้นฟิโลใหญ่ออกมา  อ้าว นั่นรังนกนี่ แถมด้วยไข่อีกสองฟอง มันกลิ้งตกมานอกกองกิ่งไม้แล้ว ทำไง ทำไง ทำไง โทรหาป๊าดีมั้ย เอ๊ย ป๊าอยู่เมืองนอก ค่าโทรแพงงง งั้นโทรหาตั่วกู๋ดีกว่า หมูปันก็กดๆๆๆ โทรศัพท์ แล้วก็เล่าให้ตั่วกู๋ฟัง ก็ได้คำตอบมานิ่งๆ ว่า "ก็ทิ้งไว้งั้นแหละ จะทำอะไรเล่า" เอ้อ จริง จะโทรทามมายเนี่ย ปลายสายเขาจะยืดมือมาทางโทรศัพท์ช่วยเราได้รึก็ปล่าว ก็เอาที่โกยขยะมาตักไข่ ตั้งใจว่าจะเอามันกลับไปวางตรงรังอย่างเดิม  ปรากฏว่า เอ๊า มันมีแต่เปลือก เป็นไข่นกที่โดนเจาะไปซะแล้ว เดาว่าเป็นฝีมือพี่จิ้งที่เป็นเจ้าถิ่นบริเวณนั้นหรือปล่าว ก็หวิวๆ กันไปพักนึงนะ

ตั้งแต่นั้นก็นึกไว้ว่า จะไม่ปล่อยให้นกมาทำรังไว้แบบนี้อีก เพราะพอเรากลับบ้านมา พ่อนก แม่นก ก็หนีเรา แล้วก็ต้องทิ้งรัง ทิ้งไข่ไว้ แล้วก็กลายเป็นเรื่องเศร้าแบบนี้  

แล้วป้าเก๋งก็เกิดปิ๊งไอเดีย หลังจากแอบเล็งเฉลียงตรงข้ามมาพักใหญ่ ว่าทำไมนกไม่ไปเกาะบ้านเค้า (ฟ่ะ)  พอหายตามัว เพราะความเคืองๆ ในใจ ก็ได้เห็นเส้นเอ็นใสๆ เส้นบาง ที่เขาขึงไขว้ไปมาตรงระเบียง แล้วนกก็ไม่เห็นเกาะบ้านเขาเลยน่ะ เลยลองทำตามดูมั่ง ถึงจะเหม็นขี้หน้าก็เหอะ ขอลองของหน่อยละกัน เราก็ขึงเป็นแนวนอนไว้สามระดับค่ะ ทำไปก็ขำตัวเอง เอ๊ ตกลงใครอยู่ในกรงกันแน่ ปรากฏว่า

เวิร์ค!!! ค่ะ

เวลานกบินเข้ามา คงจะไม่ทันเห็นเส้นเอ็นใสๆ นี่ ปีกก็เลยติด มันก็ตกใจ ยิ่งกระพือ ปีกก็ยิ่งติด เสียงปีกบิน พึ่บพั่บ พึ่บพั่บ แต่ก็ครั้ง หรือสองครั้งเท่านั้นล่ะค่ะ เขาฉลาด แล้วก็รู้ว่า บ้านนี้มีของ แล้วเขาก็หายยยย ไปเลย

จนเราชะล่าใจ … ไอ้เรารึก็นึกว่าคงเข็ดไม่มาแล้ว ซึ่งก็ไม่มาจริงนะคะ นานเชียวล่ะ ถึงเราหนีเที่ยวไปหลายวัน ระเบียงก็ยังปลอดนก เส้นเอ็นสามเส้นตรงที่เดิม ก็เก่าลุ่ย แล้วก็หลุดต่องแต่ง จนวันนึงเราก็ตัดทิ้งไป  

แล้วเขาก็กลับมาค่ะ ราวๆ อาทิตย์ก่อนนี่เอง ก็เริ่มมีกองหน้ามาลาดตระเวน มาเดินผงกหัวดุ้ก ดุ้ก ดุ้ก เดินวนเวียนอย่างกับระเบียงหนึ่งคูณสองเมตรของบ้านเราเป็นสนามหญ้ากว้างใหญ่  สำรวจแล้วก็กลับไปมุมเดิม ตรงซอกหลังกระถางใหญ่ เอ๊ มันนกตัวเดิมรึปล่าวหว่า ก็ได้แต่ชู้ววววๆ ให้มันตกใจ บินหนีไป บางวันหมูปันเกิดบ้าเลือดขึ้นมา ก็ขึ้นมา ชู้วววววๆๆๆ ด้วย แต่ป้าก็มักจะห้ามล่ะ เพราะดูแล้ว แกชู้วววว แบบเอาจริงเอาจัง มากๆ  แต่จะห้ามยังไง ในเมื่อหม่าม้าก็ยังไล่อยู่เองนี่นา ก็เหมือนบอกลูกว่าอย่าตบยุง อย่าบี้มดเลยคับ เพราะมีคราวที่เกิดฟลุ้คตบยุงโดนจริงๆ เกิดมีการเยาะเย้ยผู้ที่มรณภาพไปด้วย ดูแล้ว ท่าจะไม่เวิร์คแฮะ หลังๆ เลยยอมให้มันกัดไป เห็นตัวบินๆ ก็เขย่าๆ ขาไป ยอมขาเป็นจุดๆ ลูกมันจะได้ไม่ว่าเอา ว่าก็หม่าม้าไม่ให้ตบมิใช่หรือ แถมหมูปันยังเลคเชอร์อีกว่ามันเป็นยุงตัวเมีย กัดได้ครั้งเดียวแหละคับ เดี๋ยวมันก็ตายแล้ว โอ้ว เพศเดียวกันก็ต้องเห็นใจกัน แต่กับนกนี่สิ ไม่ไล่แล้วจะทำไงล่ะ

วันต่อมา ราวๆ หลังอาหารกลางวัน หลังจากกองหน้าลาดตระเวนไปแล้วเมื่อวาน วันนี้มันมาใหม่ พร้อมกับกิ่งไม้ค่ะ  นี่คุณเห็นบ้านอิชั้นเป็นที่ว่างเปล่ารึไง ชู้ววววๆๆๆ  แต่มันคงเลือกแล้ว  หายไปครู่นึง มันก็กลับมา เล่นเอาเถิดอยู่หลายรอบ จนบ่ายแก่ๆ มันคงเบื่อ หรือไม่ก็คงกลับไปวางแผนยุทธศาสตร์  

เย็นวันนั้น ป้าก็งัดแผนจรยุทธตาข่ายล่องหนขึ้นมาปัดฝุ่น แล้วก็ด้วยความขี้เกียจรื้อหาเส้นเอ็นใสม้วนเดิมที่ไม่รู้ไปซุกอยู่มุมไหน ประกอบกับความอยากรู้ด้วยค่ะ ก็เลยใช้เส้นด้ายแทน เลือกสีฟ้าให้ดูกลมกลืนกับท้องฟ้านอกระเบียง แล้วก็กลับไปนั่งกระหยิ่มใจว่า แกมาอีกละก็ เสร็จชั้นแน่

วันต่อมา ที่เดิม เวลาเดิม นกตัวเดิม มาอีกแล้ว  

รอบแรก ได้ผลค่ะ มันบินโฉบลงมา แล้วก็ติดเส้นด้ายของเราจริงๆ  เสียงปีกบิน พึ่บพั่บ พึ่บพั่บ แล้วก็บินหนีไป  แต่ก็อย่างที่บอก นั่นรอบแรกค่ะ ครู่เดียว นกน้อยคู่อริก็โผลงมาใหม่ แต่มันไม่ได้ลงตรงเดิมนะค่ะ มันบินอ้อมไปเกาะที่คอมเพรสเซอร์แอร์ด้านข้าง ไอ้โหย Flanking Attack!!! ล้ำเลิศจริงๆ แล้วเฮียก็เดินทอดน่อง สำรวจหามุมแบบสบายๆ ตอนนี้  ป้านั่งนิ่งเลย กำลังอึ้งว่าคุณเค้าจะมาไม้ไหน แล้วก็ขำ เพราะพอถึงคราวเฮียแกจะบินไปตามเมียมาดูเรือนหอนั่นหนะ เฮียก็ติดเส้นด้าย ก็เส้นเดิมที่แกบินหลบมาตะกี๊นั่นแหละ เล่นเอาลุ้นเชียว ว่าจะออกไปได้มั้ย

แล้วก็คาดไม่ผิดค่ะ มันไปตามเมียมันมาจริงๆ  สองตัว มาพร้อมอาวุธ ..กิ่งไม้..ครบปากทั้งคู่!!! บินโฉบเข้าด้านข้าง แล้วโดดลง แลนดิ้งอย่างปลอดภัย แล้วมุ่งหน้าตรงไปที่กระถางใหญ่ไม่มีวอกแวก ค่ายกลเส้นด้ายของชั้น ไม่อยู่ในสายตาเลยรึนี่  โฮ้ยยย … เดือดร้อนอี๊ก ป้าไม่รอช้า คว้าไม้มาเคาะๆ ไล่ มันก็ดูตกใจๆ นะ มองๆ ว่ายายป้านี่มาจากไหนฟะ แต่ก็ยอมไปโดยดี

หลังจากนั้นอีกหลายวัน เหตุการณ์ก็จะซ้ำๆ นกบินมา ป้าวิ่งไล่ นกบินมา ป้าบินไล่ แล้วป้าก็ยกระดับการรักษาความปลอดภัยของระเบียง ด้วยการหาขวดกระป๋อง ถาด กระถาง มาวางปิดช่องที่คาดว่ามันจะเข้าไปหลังกระถางใหญ่นั่นได้ แล้วก็คอยดูผลงานในวันต่อมา  มันก็มาเยี่ยมทุกวัน โฮ้ยยยย เหนื่อยนะคุณ บางวันถึงกับนั่งคุยกันเลยทีเดียว ก็ค่อยๆ เรียนท่านว่า ไปเห้อะ อย่ามาทำรังตรงนี้เลย เดี๋ยวโดนรื้อปล่าวๆ แต่ดูเหมือนจะคุยกันไม่รู้เรื่องนะ  

จนวันนี้ค่ะ วันพฤหัสที่เจ็ดมกราคม หมูปันไปโรงเรียนแล้ว ก็ได้เวลานิ่งๆ ก็มองดูขยะที่เอาไปซุกไว้ตามมุมนั่นหนะ มันรก แล้วก็ทำให้ระเบียงที่วางกองกำลังป้องกันอยู่นี่ ไม่น่าดูเอาเลย  แต่ถ้ามันได้ผลก็พอไหวน่า ว่าแต่…มันจะได้เรื่องมั้ย ถ้าเราไม่อยู่บ้าน มันจะเข้าไปได้มั้ย ไม่เคยปล่อยให้ถึงโมเม้นนั้นซะที ก็เลยลองมุขใหม่ค่ะ

พอได้เวลาเขาเริ่มออกลาดตระเวน ก็นั่งดูเลย ดูมันไปเรื่อยๆ มันโฉบมาแล้ว แลนดิ้งอย่างนิ่มนวล แถมวันนี้พิเศษ มากันสามตัวเชียว อีกตัวดูปีกเอียงนิดหน่อย ร้องเสียงไม่เป็นขุก ขุก คุก คู่ แต่แหบๆ คล้ายนกหวีด ว๊าย นกเจ็บคอ เป็นหวัดมั้ยเนี่ย น่ากลัวที่สุด  ว่าแล้ว นกสามตัว ก็ย่างสามขุม เดินไปตรงมุมเดิม นี่ถ้าเป็นวันก่อนๆ ก็วิ่งไล่แล้ว แต่วันนี้ ทำใจมาแล้ว “ชั้นจะคอยดูแก”  เขาก็เดินสำรวจ แล้วก็หาทางเข้า ฮะฮ่า เข้าไม่ได้ เพราะชั้นปิดไว้แล้ว แต่พักเดียวละค่ะ เจ้าตัวดีก็กระโดดขึ้นไปบนกระถาง เล็งๆ แล้วก็โดดผลุบ หายลงไปหลังกระถาง ต่อหน้า ต่อตา โอ๊ย จะบ้า นกมันเล่นบันจี้จั๊มพ์ได้ด้วยหรือนี่ (o_O)

สรุปว่า ค่ายกลเจ็ดดาวเหนือที่บรรจงวางไว้นั่น มันไม่ได้ผล  แต่ที่ได้ผลคือ เราก็รู้แล้ว ว่ามันจะเข้าทางไหนถ้าเราไม่อยู่บ้าน ก็ปิดทางนั้นซะสิ ว่าแต่ เจ้าตัว เค้ายังอยู่ข้างใน แถมออกไม่ได้ด้วย สนามบินแคบมากไม่พอกระพือปีก แถมทางออกก็มี ขวด กระถาง กระป๋องมาขวางไว้ด้วย ถึงตอนนี้ เจ้าสองตัวที่มาด้วยกัน เผ่นไปแล้วค่ะ ยิ่งได้ยินเสียงเรา เขาก็ยิ่งดิ้นขลุก ขลัก กุกๆ กักๆ อยู่ในซอกนั่น  อันนี้คุณจะโทษอิชั้นไม่ได้นะคะ ก็ตั้งใจว่าจะใช้กันไม่ให้นกเข้า ไม่คิดว่าจะกลายเป็นกันนกออกซะแทน แล้วก็เดือดร้อนอิชั้นต้องรื้อค่ายกลที่บรรจงวางไว้ แล้วอัญเชิญท่านให้ออกอีกทาง  

ท่านไปแล้ว เราก็ปิดรูโดดบันจี้จัมพ์ซะ  อีกครู่ใหญ่ท่านก็กลับมาเดินๆ ดูๆ วนรอบๆ แล้วก็ดูๆ เดินๆ ระหว่างนั้น ก็เหมือนจะค้อนเราไปด้วย อันนี้อุปาทานค่ะ ป้าก็นั่งดูอย่างเดียวเลย แกจะเข้าทางไหนอีก อยากรู้นัก

ท่านเดินอยู่พักนึง หาทางเข้าไม่ได้ ก็ต้องถอยอยู่แล้ว นับเป็นชัยชนะของมนุษยชาติจริงๆ (^_^)

ไว้พรุ่งนี้ จะมารอดูอีกทีค่ะ

ว่าแต่ใครมีวิธีไล่นกแบบละมุนละไม ช่วยบอกหน่อยนะคะ ไม่งั้นจะจับย่างซีอิ๊วแล่ว